พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2560
https://www.isranews.org/isranews/51376-amnesty-51376.html |
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คืออะไร
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คือพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้
8 เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
✦หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง แฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
✏ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิดค่ะ
3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
✈ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเอง
4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
✒โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก
5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
➥กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
✦หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง แฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
✏ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิดค่ะ
3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
✈ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเอง
4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
✒โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก
5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
➥กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
➜ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ข้อความผิดด้วยกันคือ
- โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง (อย่างเช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริงๆ เป็นต้น)
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย
- โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้
- เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด
7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
➼กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิดค่ะ แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด
8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
⤗ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักคือ
• การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
• การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
กรณีศึกษาการทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560
ใช้นามสกุล "จันทร์โอชา" เปิดเฟซขายนาฬิกา ที่แท้โจร ปอท.บุกรวบ
กรณีศึกษาการทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560
ใช้นามสกุล "จันทร์โอชา" เปิดเฟซขายนาฬิกา ที่แท้โจร ปอท.บุกรวบ
ใช้นามสกุล "จันทร์โอชา" เปิดเฟซขายนาฬิกา ที่แท้โจร ปอท.บุกรวบ
กรณีศึกษาการทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560
ใช้นามสกุล "จันทร์โอชา" เปิดเฟซขายนาฬิกา ที่แท้โจร ปอท.บุกรวบ
เวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ร่วมกับ พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.3 บก.ปอท.
แถลงการจับกุมนายทัดภูมิ หรือ นัท ไชยกุลวัฒนา อายุ 23 ปี หลังใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Surinya JanOcha” หลอกขายสินค้าออนไลน์โดยใช้นามสกุลของนายกรัฐมนตรีมาแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีเหยื่อหลงเชื่อสั่งสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าจริงเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังมีผู้เสียหายแจ้งร้องทุกข์กับ ปอท.ว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Surinya JanOcha หรือ สุรินยา จันทร์โอชา ใช้รูปโปรไฟล์เป็นหญิงสาววัยรุ่น ได้หลอกขายนาฬิกามือสองตามโพสต์การซื้อขาย โดยมีราคาเรือนละ 2,000-3,000 บาท ถูกกว่าราคาท้องตลาด ซึ่งมีเหยื่อหลงเชื่อกว่าร้อยราย เมื่อสั่งซื้อโอนเงินเสร็จก็จะบล็อกตัดขาดช่องทางการติดต่อ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปอท.สืบทราบเบาะแสที่อยู่ผู้ต้องหา พบว่าพักอาศัยอยู่ที่ อ.เมือง จ.เลย จึงนำกำลังจับกุมได้ที่บ้านพัก จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเองได้นำนามสกุลนายกรัฐมนตรี มาใช้หลอกขายของ โดยมีเจตนาให้เหยื่อเข้าใจว่า มีความเกี่ยวกับตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่ได้กล่าวอ้างถึงว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งเหยื่อเองก็ไม่ได้สอบถามอะไร
“ขอฝากเตือนประชาชนว่า การซื้อของนั้นอย่าใจร้อน ขอให้ตรวจสอบข้อมูลผู้ขายจากชื่อสกุลบนเล่มบัญชีก่อน ก็จะพบข้อมูลการโกง” รอง ผบก.ปอท. กล่าว
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 ฉบับเต็ม
แถลงการจับกุมนายทัดภูมิ หรือ นัท ไชยกุลวัฒนา อายุ 23 ปี หลังใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Surinya JanOcha” หลอกขายสินค้าออนไลน์โดยใช้นามสกุลของนายกรัฐมนตรีมาแอบอ้างเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีเหยื่อหลงเชื่อสั่งสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าจริงเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังมีผู้เสียหายแจ้งร้องทุกข์กับ ปอท.ว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Surinya JanOcha หรือ สุรินยา จันทร์โอชา ใช้รูปโปรไฟล์เป็นหญิงสาววัยรุ่น ได้หลอกขายนาฬิกามือสองตามโพสต์การซื้อขาย โดยมีราคาเรือนละ 2,000-3,000 บาท ถูกกว่าราคาท้องตลาด ซึ่งมีเหยื่อหลงเชื่อกว่าร้อยราย เมื่อสั่งซื้อโอนเงินเสร็จก็จะบล็อกตัดขาดช่องทางการติดต่อ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปอท.สืบทราบเบาะแสที่อยู่ผู้ต้องหา พบว่าพักอาศัยอยู่ที่ อ.เมือง จ.เลย จึงนำกำลังจับกุมได้ที่บ้านพัก จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเองได้นำนามสกุลนายกรัฐมนตรี มาใช้หลอกขายของ โดยมีเจตนาให้เหยื่อเข้าใจว่า มีความเกี่ยวกับตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ไม่ได้กล่าวอ้างถึงว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งเหยื่อเองก็ไม่ได้สอบถามอะไร
“ขอฝากเตือนประชาชนว่า การซื้อของนั้นอย่าใจร้อน ขอให้ตรวจสอบข้อมูลผู้ขายจากชื่อสกุลบนเล่มบัญชีก่อน ก็จะพบข้อมูลการโกง” รอง ผบก.ปอท. กล่าว
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 ฉบับเต็ม